เมื่อลูกน้อยโตจนถึงวัยต้องเข้าโรงเรียน คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ ที่จะเลือกเฟ้นโรงเรียนอนุบาลให้กับลูก แล้วเราจะต้องเริ่มมองหาโรงเรียนตั้งแต่เมื่อไร มีเกณฑ์อะไรในการพิจารณาบ้าง วันนี้ Babekits มาแชร์ประสบการณ์ตรงให้คุณแม่ได้นำไปพิจราณากันจ้า

 

เริ่มหาโรงเรียนอนุบาลให้ลูกน้อย เมื่อไหร่ดี

ขอบอกว่า คุณแม่ควรมองหาโรงเรียนล่วงหน้า 1 ปี ก่อนที่ลูกน้อยจะเข้าโรงเรียนค่ะ อ่ะ อ่ะ!! ไม่ได้เว่อร์นะคะ เพราะคุณแม่ต้องหาข้อมูลหลายๆโรงเรียน เพื่อมาเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุด ที่เหมาะสมกับเจ้าตัวน้อย ที่สำคัญ แต่ละโรงเรียนจะเริ่มเปิดรับสมัครไม่เหมือนกัน บางโรงเรียนที่เต็มตั้งแต่วันแรกที่เปิดซะด้วยซ้ำ ดังนั้นคุณแม่ควรเริ่มต้นหาข้อมูลก่อน จะได้ไม่พลาดวันเปิดรับสมัคร

 

ช่องทางการหาข้อมูลโรงเรียน

หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต คุณแม่สามารถหาข้อมูลโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้าน และดูคำติชม จากกระทู้ที่โพสต์ตามเว็บต่างๆได้ และอย่าลืมดูว่า กระทู้นั้นๆ มีการโพสต์ไว้เมื่อใด เพราะอาจเป็นข้อมูลเก่าที่ยังไม่อัพเดท ก็เป็นได้

โทรสอบถามกับทางโรงเรียนโดยตรง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่อัพเดท

ถามจากผู้มีประสบการณ์ คุณแม่ลองถามเพื่อนๆ รุ่นพี่ รุ่นน้อง ที่มีลูกเข้าโรงเรียนนั้นๆอยู่

เข้าเยี่ยมชมโรงเรียน เมื่อคุณแม่คัดโรงเรียนไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว จะรออะไร ก็ขอเข้าไปเยี่ยมชมโรงเรียนเลยค่ะ ทางที่ดี ควรไปในช่วงเวลาเรียน เพื่อให้ได้เห็นว่า ลูกเราจะได้รับการเรียน การสอน และการดูแล อย่างไร

 

หลักเกณฑ์ในการเลือกโรงเรียน

หาข้อมูลค่าใช้จ่ายในการเรียน ข้อนี้เป็นคำถามแรก ที่คุณแม่ทุกคนต้องถามกับโรงเรียน เพื่อคำนวณงบประมาณที่ต้องจ่ายทั้งหมดภายใน 1 ปี เช่น ค่าเทอม ค่าแรกเข้า ค่าชุดนักเรียน ชุดพละ ชุดนอน ที่นอน และอุปกรณ์ต่างๆ ค่ากิจกรรมอื่นๆระหว่างที่เรียน ค่าเรียนซัมเมอร์ ค่ารถโรงเรียน ค่าเรียนพิเศษตอนเย็น ค่าอาหารเช้า ที่สำคัญ อย่าลืมดูกำหนดเวลาจ่ายค่าเทอม ว่าอยู่ที่ช่วงเดือนไหน มีการผ่อนจ่ายหรือไม่ เพื่อที่คุณแม่จะได้เก็บเงินไว้ให้พอ ตั้งแต่เนิ่นๆ

 

ระบบการเรียนการสอน โรงเรียนอนุบาล จะมีแนวทางการเรียนการสอน แบ่งเป็น 2 แบบ คือ บูรณาการ (เน้นกิจกรรม เสริมสร้างพัฒนาการ) หรือ วิชาการ (เน้นอ่านออกเขียนได้ คิดเลข) คุณแม่ต้องมองดูลูกน้อย ว่าเค้าเหมาะกับการเรียนแบบไหน ขอให้คุณแม่เลือกโดยถือเอาลูกน้อยเป็นหลัก สำหรับคุณแม่ที่เลือกแบบบูรณาการ อย่ามองข้ามยามที่ต้องไปสอบเข้าชั้น ประถม ซึ่งต้องแข่งขันกับเด็กจากหลากหลายโรงเรียน ซึ่งแน่นอนว่า มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่มาจากโรงเรียนที่เน้นวิชาการมา การย้ายโรงเรียน ตอนชั้น อนุบาล 3 อาจจะช่วยได้ แต่ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เพราะต้องซื้อชุดนักเรียน และอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด

 

การเดินทางไป-กลับโรงเรียน โรงเรียนไม่ควรจะอยู่ไกลจากบ้านจนเกินไป เพราะจะทำให้ลูกน้อยเหนื่อยล้าได้ง่าย คุณแม่ลองคำนวณระยะเวลาที่ลูกน้อยต้องอยู่บนรถ ไม่ควรจะใช้เวลาเดินทางนานเกิน 45 นาที อย่าลืมเผื่อการจราจรที่อาจหนาแน่นในเวลาเร่งด่วนยามเช้าด้วย ในกรณี ให้รถตู้ไปรับ-ส่ง ลองถามว่ามีครูประจำรถตู้ด้วยมั้ย และมีการตรวจสอบว่าไม่มีนักเรียนหลงอยู่บนรถอย่างไร

 

ระบบรักษาความปลอดภัยของเด็กๆ ภายในโรงเรียน ส่วนนี้ คุณแม่ต้องสอบถามกับทางโรงเรียน และคอยสังเกตระหว่างที่เข้าชมโรงเรียนดู ว่า เมื่อลูกน้อยย่างก้าวเข้าสู่โรงเรียน จะมีสิ่งใดที่อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ เช่น ลูกน้อยมีโอกาสเข้าใกล้ถนน หรือเส้นทางรถยนต์มั้ย ถ้ามี ทางโรงเรียนมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างไร รวมถึงสถานที่ภายในโรงเรียน ถูกออกแบบมาดีแล้วหรือยัง โรงเรียนที่มีสระว่ายน้ำ ว่ามีรั้วกั้นหนาแน่นเพียงใด ซึ่งเด็กอาจปีนเข้าไป และพลาดพลั้งตกน้ำได้

 

ระบบรักษาความปลอดภัยของโรงเรียน คุณแม่สังเกตได้ตั้งแต่ตอนมาขอชมโรงเรียนเลย เพราะเราเป็นคนนอก ถ้าจะขอเข้าโรงเรียน จะมีระบบเคร่งครัดเพียงใด มีการแลกบัตร หรือมีกล้องวงจรปิดมั้ย

 

ครูสามารถดูแลนักเรียนภายในห้องได้อย่างทั่วถึง คุณแม่ดูได้จากอัตราส่วนของครู และเด็ก ว่ามีครูประจำห้องอยู่ทั้งหมดกี่คน เด็กนักเรียนมีทั้งหมดกี่คน โดยรวมแล้ว ครู 1 คน ต้องดูแลเด็กกี่คน เพราะเด็กในวัยนี้ ยังช่วยเหลือตัวเองได้ไม่มาก หากมีครูดูแลมาก ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว

 

การดูแลเรื่องสุขอนามัยของเด็ก มีการตรวจสอบ คัดกรองเด็กก่อนเข้าโรงเรียน เพื่อลดอัตราการติดโรคภัยภายในโรงเรียนรวมถึงมาตราการในการแก้ไข เมื่อเกิดโรคติดต่อขึ้นภายในโรงเรียนแล้ว

 

บรรยากาศภายในห้องเรียน มีการกั้นสัดส่วนให้เอื้ออำนวยต่อการเรียนการสอนอย่างไร บางโรงเรียนสอนให้เด็กเก็บโต๊ะ เก็บเก้าอี้เข้ามุม เพื่อทำกิจกรรมกลางห้องเรียนต่อ โดยไม่ต้องเปลืองพื้นที่ และไม่เป็นการเสียเวลามาก

 

อาหารมีความสะอาด สดใหม่ ดูว่าทางโรงเรียนมีความใส่ใจกับอาหารให้ลูกน้อยมากแค่ไหน คุณแม่สามารถขอดูตารางอาหารในแต่ละวัน ว่ามีอาหารครบทั้ง 5 หมู่ รึเปล่า ที่สำคัญ ถ้าเจ้าตัวเล็กแพ้อาหารชนิดใด ทางโรงเรียนมีการป้องกันมากน้อยแค่ไหน เพื่อหลีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้นไม่ให้เจ้าตัวเล็กทาน

 

โรงเรียนที่ “ดี” ที่สุด อาจจะไม่ใช่โรงเรียนที่ “เหมาะสม” กับลูกน้อยที่สุด คุณแม่ควรพิจารณาจากหลายๆอย่าง ประกอบกัน เพราะโรงเรียนที่คุณแม่ชอบ อาจตั้งอยู่ไกลจากบ้าน แถมการจราจรติดขัด ถ้าคุณแม่ยังดึงดัน ลูกน้อยก็คงไม่พ้นต้องอาศัยรถเป็นที่นอน ทั้งไป ทั้งกลับ เป็นแน่ เอาล่ะ งั้นเรามาเริ่มหาข้อมูล เพื่อเลือกโรงเรียนให้เจ้าตัวเล็กได้แล้วค่ะ Let’s Go

 

เขียนโดย www.babekits.com